วิธีการในการส่งออกสินค้าไปจีน
> เราจะขายสินค้าอะไร
ในกรณีที่เรามีสินค้าอยู่แล้วนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจหรือยังไม่แน่ใจว่าสินค้าที่มีอยู่ในมือแล้วจะส่งออกไปจีนให้รุ่งได้นั้น ควรเป็นแนวไหน ตรงนี้มีข้อแนะนำคือ สินค้ากลุ่มบริโภคและอุปโภคที่ใช้แล้วหมดไป เพราะจีนมีความต้องการในเรื่องนี้สูงมาก ตั้งแต่ อาหาร ผลไม้ อาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในครัวเรือน ฯลฯ
> ขอจดทะเบียนตั้งบริษัทในจีน
ที่จริงขั้นตอนนี้ขอไม่ยากนัก เพราะทางการจีนในแต่ละมณฑลค่อนข้างสนับสนุนการเข้ามาลงทุนจากต่างชาติอยู่แล้ว ซึ่งการจดทะเบียนเพื่อตั้งบริษัทก็มีเทคนิคอยู่บ้าง เช่น ขอจดเพื่อตั้งบริษัทในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่นอกเมืองซึ่งจะช่วยเอื้อประโยชน์บ้างด้านได้ เช่น ขอลดภาษี แล้วจึงเข้ามาตั้งสำนักงานสาขาในเขตตัวเมือง เป็นต้น
> ช่องทางจัดจำหน่าย
การหาช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นส่วนสำคัญของทุกธุรกิจ ในเมืองจีนและของไทยเองก็มีบริษัทตัวแทนเหล่านี้ให้เลือกใช้บริการ แต่ก็มีข้อควรระวังเรื่องความน่าเชื่อถือซึ่งต้องตรวจสอบให้ละเอียดด้วย โดยเราสามารถหาข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้อีกทางหนึ่ง นอกจากผ่านตัวแทนแล้ว การขายผ่านระบบออนไลน์ก็เป็นช่องทางที่สำคัญ โดยเฉพาะถ้าเราเน้นสินค้าขายปลีกหรือจับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เพราะพวกเขาสามารถสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่าน WeChatpay หรือทาง Taobao ได้ง่ายๆนั่นเอง
> ขั้นตอนขออนุญาตนำเข้า
เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องตรวจสอบให้ดี เพราะสินค้าบางประเภทมีจำกัดโควตา แม้ว่าล่าสุดทางการจีนจะลดการจำกัดสินค้านำเข้าเพิ่มเติมแล้วบังคับใช้แล้วในปี 2561 แต่สินค้าบางประเภทก็ยังมีการจำกัดโควตาอยู่ดี มีคำแนะนำคือ ให้เริ่มจากการขออนุญาตสำหรับฉลากสินค้า โดยจะต้องนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกทางหนึ่ง แล้วเราต้องนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากระบุ วันผลิต วันหมดอายุ ส่วนประกอบ เพื่อไปยื่นขอรับรองผลิตภัณฑ์ ไม่ต่างกับการขอรับรอง อาหารและยา (อย.) ของไทยนั่นเอง ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน จากนั้นนำใบรับรองฉลากไปยื่นขอนำเข้าสินค้าที่ด่านศุลกากร แล้วขั้นตอนสุดท้ายก็จะมีการนำสินค้าไปผ่านการตรวจความปลอดภัย เมื่อเรียบร้อย ก็จะสามารถนำไปวางขายได้ครับ
ในกรณีที่เรามีสินค้าอยู่แล้วนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจหรือยังไม่แน่ใจว่าสินค้าที่มีอยู่ในมือแล้วจะส่งออกไปจีนให้รุ่งได้นั้น ควรเป็นแนวไหน ตรงนี้มีข้อแนะนำคือ สินค้ากลุ่มบริโภคและอุปโภคที่ใช้แล้วหมดไป เพราะจีนมีความต้องการในเรื่องนี้สูงมาก ตั้งแต่ อาหาร ผลไม้ อาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในครัวเรือน ฯลฯ
> ขอจดทะเบียนตั้งบริษัทในจีน
ที่จริงขั้นตอนนี้ขอไม่ยากนัก เพราะทางการจีนในแต่ละมณฑลค่อนข้างสนับสนุนการเข้ามาลงทุนจากต่างชาติอยู่แล้ว ซึ่งการจดทะเบียนเพื่อตั้งบริษัทก็มีเทคนิคอยู่บ้าง เช่น ขอจดเพื่อตั้งบริษัทในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่นอกเมืองซึ่งจะช่วยเอื้อประโยชน์บ้างด้านได้ เช่น ขอลดภาษี แล้วจึงเข้ามาตั้งสำนักงานสาขาในเขตตัวเมือง เป็นต้น
> ช่องทางจัดจำหน่าย
การหาช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นส่วนสำคัญของทุกธุรกิจ ในเมืองจีนและของไทยเองก็มีบริษัทตัวแทนเหล่านี้ให้เลือกใช้บริการ แต่ก็มีข้อควรระวังเรื่องความน่าเชื่อถือซึ่งต้องตรวจสอบให้ละเอียดด้วย โดยเราสามารถหาข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้อีกทางหนึ่ง นอกจากผ่านตัวแทนแล้ว การขายผ่านระบบออนไลน์ก็เป็นช่องทางที่สำคัญ โดยเฉพาะถ้าเราเน้นสินค้าขายปลีกหรือจับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เพราะพวกเขาสามารถสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่าน WeChatpay หรือทาง Taobao ได้ง่ายๆนั่นเอง
> ขั้นตอนขออนุญาตนำเข้า
เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องตรวจสอบให้ดี เพราะสินค้าบางประเภทมีจำกัดโควตา แม้ว่าล่าสุดทางการจีนจะลดการจำกัดสินค้านำเข้าเพิ่มเติมแล้วบังคับใช้แล้วในปี 2561 แต่สินค้าบางประเภทก็ยังมีการจำกัดโควตาอยู่ดี มีคำแนะนำคือ ให้เริ่มจากการขออนุญาตสำหรับฉลากสินค้า โดยจะต้องนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกทางหนึ่ง แล้วเราต้องนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากระบุ วันผลิต วันหมดอายุ ส่วนประกอบ เพื่อไปยื่นขอรับรองผลิตภัณฑ์ ไม่ต่างกับการขอรับรอง อาหารและยา (อย.) ของไทยนั่นเอง ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน จากนั้นนำใบรับรองฉลากไปยื่นขอนำเข้าสินค้าที่ด่านศุลกากร แล้วขั้นตอนสุดท้ายก็จะมีการนำสินค้าไปผ่านการตรวจความปลอดภัย เมื่อเรียบร้อย ก็จะสามารถนำไปวางขายได้ครับ
คุณกำลังมองหา บริษัทส่งออกต่างประเทศ อยู่หรือเปล่า
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บ www.thaitpi.com
บริษัทส่งออก , ส่งสินค้าไปต่างประเทศ
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บ www.thaitpi.com
บริษัทส่งออก , ส่งสินค้าไปต่างประเทศ